เข้าสู่เดือนสุดท้ายของไตรมาสแรกในปี 2567 เชื่อว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาแต่ละองค์กรทำการตลาด
จากพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การอัพเดทเทรนด์การตลาดล่าสุดจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญ เหล่านักการตลาดจึงต้องตามให้เท่าทัน พร้อมรับการการเปลี่ยนแปลงที่หมุนเวียนไป
โดยสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย(MAT) ได้สรุป 10 เทรนด์การตลาดประจำปี 2567 ที่จะมาตอบโจทย์และเกาะติดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ไว้ดังนี้
1. AI และระบบอัตโนมัติทางการตลาด
ในขณะที่เราก้าวเข้าสู่ปี 2567 การตลาดเชิงสนทนาก็พร้อมที่จะกำหนดนิยามใหม่ของการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า การปล่อยให้ลูกค้ารอคำตอบนานเกินไปอาจทำให้สูญเสียลูกค้าได้ ลูกค้ายุคใหม่มักต้องการความพึงพอใจและวิธีแก้ปัญหาในทันที
การตัดสินใจซื้อผ่าน AI และระบบอัตโนมัติทางการตลาด เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของแคมเปญการตลาดได้อย่างมาก เพราะจะช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์เฉพาะบุคคล เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ และให้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไปได้
2. การตลาดที่สามารถเข้าถึงตัวของลูกค้าได้แบบเฉพาะเจาะจง โดยการใช้ Big Data มาวิเคราะห์
ในขณะที่เทคโนโลยี Big Data และขั้นตอนการเรียนรู้ของ Machine Learning พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ การทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalization Marketing) จะยังคงมีบทบาทสำคัญกับบริษัททั้งขนาดใหญ่และเล็กสำหรับการทำการตลาดในปี 2567 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างผลกำไร
ลูกค้าในยุคปัจจุบันคาดหวังประสบการณ์ที่ปรับให้เหมาะกับตนเอง Big Data ที่เก็บรวบรวมมาเป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์ด้วยก็จะยิ่งทำให้กลยุทธ์การทำตลาดรูปแบบนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แบรนด์สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้โดยใช้การวิเคราะห์ที่ซับซ้อน ทำให้เกิดกลยุทธ์การตลาดแบบเฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น โดยที่คอนเทนต์ ผลิตภัณฑ์ ข้อเสนอ และการสื่อสารจะถูกปรับให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละราย
3. การเกิดเครื่องมือการตอบคำถาม Answer Engine Optimization (AEO)
หนึ่งในแนวโน้มที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงทิศทางของการตลาดในปี 2567 ก็คือการพัฒนาของของ Answer Engine Optimization (AEO) ในขณะที่ Search Engine Optimization (SEO) เป็นที่รู้จักในกลยุทธ์การตลาดออนไลน์มานานแล้ว แต่แนวความคิดกำลังเปลี่ยนไปสู่การปรับแต่งเครื่องมือการตอบคำถาม
โดย AEO มุ่งเน้นการสร้างเนื้อหาที่คัดกรองแล้วและนำไปตอบในกล่องคำตอบผลลัพธ์จากการค้นหา มีการปรับเนื้อหาออนไลน์ให้มีคำตอบชัดเจน ตรงกับคำถามของผู้ใช้ ซึ่งลึกกว่าการทำ SEO ที่เน้นการใช้คีย์เวิร์ด
4. คอนเทนต์อัตโนมัติ (Content Automation)
กลยุทธ์การตลาดให้ความสำคัญกับคอนเทนต์เป็นหลัก ในปี 2567 เครื่องมืออัตโนมัติและ AI จะปฏิวัติวงการการสร้างและเผยแพร่คอนเทนต์ เนื้อหาที่เน้นการมีส่วนร่วมและเล่าเรื่องสามารถดึงดูดผู้ชม สร้างความสัมพันธ์กับแบรนด์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และสามารถแนะนำลูกค้าตลอดกระบวนการการซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ การลงทุนในแพลตฟอร์มคอนเทนต์อัตโนมัติจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นในปัจจุบัน
5. การตลาดที่ยั่งยืนและใส่ใจต่อสังคม
ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่เพียงแต่สนใจที่จะซื้อสินค้าหรือบริการเท่านั้น พวกเขาอยากเข้าใจค่านิยมที่แบรนด์ยึดมั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อหาแบรนด์ที่สอดคล้องแนวคิดของตัวเอง
แนวโน้มนี้ได้รับแรงกระตุ้นจากปัญหาระดับโลก เช่น ภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และความอยุติธรรมทางสังคม แบรนด์จึงต้องปรับแนวทางให้สร้างความยั่งยืนและมีจริยธรรมสอดคล้องกับค่านิยมเหล่านี้ ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภค แต่ยังช่วยสร้างความภักดีและชื่อเสียงของแบรนด์ในระยะยาวอีกด้วย
6. การตลาดเชิงทดลอง
การทดลองสร้างนวัตกรรมอย่างสม่ำเสมอกลายเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันขั้นสูงสุดสำหรับธุรกิจในปัจจุบัน แนวทางนี้เน้นความคิดสร้างสรรค์ กระตุ้นให้มีการทดลอง และส่งเสริมให้ลูกค้าและพนักงานกลายเป็นกระบอกเสียงของแบรนด์ กลยุทธ์นี้ผสานความต้องการนวัตกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องเข้ากับพลังของการสนับสนุนแบรนด์
โดยการตลาดเชิงทดลอง จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่ทําให้เกิดความประทับใจที่ยาวนานต่อผู้คนที่เข้าร่วม อีกทั้งแบรนด์ยังสามารถสร้างประสบการณ์ได้ในรูปแบบที่หลากหลาย และเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้แบรนด์ได้ประโยชน์มากมายอีกด้วย
7. Niche และ Micro-Influencer
การตลาดโดยใช้ Influencer จะยังคงพัฒนาต่อไป โดยทำหน้าที่เป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการเข้าถึงผู้ชมเฉพาะกลุ่มและจัดหาเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น ซึ่งเปลี่ยนจาก Macro Influencer ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากไปเป็น Influencer ระดับ Micro และ Nano ซึ่งอาจมีฐานผู้ชมจำนวนไม่มากแต่ปฏิสัมพันธ์สูง ความจริงใจและความเกี่ยวข้องเฉพาะกลุ่ม มีความสำคัญกว่าจำนวนผู้ติดตาม
นอกจากนี้ เครื่องมือที่ใช้ AI ในการระบุตัวและติดตามผลลัพธ์ของ Influencer จะปรับปรุงกระบวนการทางการตลาดให้ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันการตลาดรูปแบบนี้ได้รับความสนใจมาก การปรับกลยุทธ์ทางการตลาดของแบรนด์ให้เหมาะกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย จึงจะสามารถช่วยเพิ่มยอดขาย และพัฒนาแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
8. การไม่แบ่งแยกและการยอมรับความหลากหลาย
แม้ว่าการไม่แบ่งแยกและการยอมรับความหลากหลายในทางการตลาดจะเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ก็คาดว่าจะยังคงเป็นเทรนด์สำคัญต่อไปตลอดปี 2567 แนวโน้มนี้ได้รับแรงผลักดันจากผู้บริโภคที่แสวงหาแบรนด์ที่ไม่เพียงแต่มีความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ ข้อเสนอ และการโฆษณา แต่ลูกค้ายังมองหานโยบายและจุดยืนที่จริงใจ
แบรนด์ใดที่เป็นส่วนหนึ่งสนับสนุนความหลากหลายและการส่งเสริมค่านิยมที่ไม่แบ่งแยกผู้คน ย่อมสำเร็จมีแนวโน้มที่ไม่เพียงแต่ดึงดูดฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นเท่านั้น แต่ยังสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีอีกด้วย
9. Metaverse และการมีส่วนร่วมเสมือน
แนวคิดของ Metaverse คือการสร้างความตื่นเต้น การมีส่วนร่วม และความคาดหวังในโลกดิจิทัล ใน Metaverse นักการตลาดมีโอกาสที่จะสร้างประสบการณ์แบรนด์ได้ล้ำมากขึ้น ผ่านการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสมือนจริง และทำแคมเปญการตลาดตามพฤติกรรมดิจิทัลของผู้ใช้
Metaverse ไม่ใช่เพียงแค่โลกเสมือนจริง (Virtual Reality) ที่เปิดให้คนสื่อสารเพียงอย่างเดียว แต่ก็เป็นประสบการณ์หนึ่งที่ได้เชื่อมต่อผู้คนระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงไปสู่โลกดิจิทัล โดยอาศัยการใช้เทคโนโลยีหลายประเภท เพื่อทำกิจกรรมใดก็ได้พร้อมๆ กัน
10. ระบบนิเวศการตลาดที่ใช้เทคโนโลยี
เพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืนในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่งในปัจจุบัน บริษัทหลายแห่งมุ่งเน้นไปที่การสร้างระบบนิเวศเทคโนโลยีการตลาดที่ครอบคลุมและบูรณาการเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานและ ROI ซึ่งทำให้เห็นถึงความจำเป็นในการนำแนวทางเทคโนโลยีการตลาดแบบองค์รวม
แนวโน้มนี้แสดงให้เห็นว่าระบบนิเวศเทคโนโลยีการตลาดที่มีโครงสร้างดีสามารถปรับปรุงการดำเนินงาน เสริมสร้างความเป็นส่วนตัวของลูกค้า และพัฒนาผลตอบแทนจากการลงทุนโดยการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
ก็จบไปแล้วนะคะ สำหรับสรุป 10 เทรนด์การตลาดประจำปี 2567 จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการทำการตลาดมาก โลกการตลาดในอนาคต เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและแนวทางที่คำนึงถึงมนุษย์เป็นศูนย์กลาง
ธุรกิจที่มีความสามารถทางเทคโนโลยีก้าวหน้าก่อนธุรกิจอื่นๆ ย่อมเติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีการพัฒนาตลอดเวลา ความสามารถในการปรับตัวและนวัตกรรมยังคงเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จทางการตลาดนั่นเอง
สำหรับท่านที่สนใจเครื่องมือ Social Listening
อินไซท์เอรา ผู้พัฒนาเครื่องมือที่ชื่อว่า DOM – Data Opinion Mining เป็นหนึ่งในเครื่องมือ ที่สามารถตอบโจทย์ทุกธุรกิจ และนักการตลาดได้แบบ “ครบทุกมิติ” ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่มีความแม่นยำ โดยแสดงผลลัพธ์ในหน้า Dashboard แบบเข้าใจง่าย นำไปใช้วิเคราะห์ต่อยอดกลยุทธ์ให้ธุรกิจได้ทันที
ทำความรู้จัก DOM : Social Listening & Social Analytics Tool จาก InsightERA
✓ The right insight at your fingertips.
—————
“InsightEra” ผู้ให้บริการ MarTech แบบครบวงจร
สนใจหรือสอบถามเพิ่มเติม
https://www.insightera.co.th/contact-us/
Email : [email protected]