SHARES:
ความยั่งยืน (Sustainability) กลายเป็นเรื่องที่คนทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในมุมของผู้บริโภคที่อยากสนับสนุนแบรนด์ที่ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม หรือในมุมขององค์กรที่ต้องการสร้างธุรกิจให้เติบโตในระยะยาว

ซึ่งในปัจจุบันไม่ได้มีแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ธุรกิจที่มั่นคงและตอบโจทย์ความคาดหวังของผู้บริโภคยุคใหม่ ธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืนสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยไม่เพียงแค่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความไว้วางใจจากลูกค้าอีกด้วย

การปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวคิดนี้จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น และเครื่องมือ MarTech (Marketing Technology) ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์แนวโน้ม การสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่สอดคล้องกับความยั่งยืน หรือการปรับปรุงกระบวนการธุรกิจเพื่อใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ทั้งหมดนี้สามารถช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อโลกและสังคมได้อย่างยั่งยืน 

1. การใช้ MarTech เพื่อวิเคราะห์และคาดการณ์แนวโน้มการตลาด

การใช้เทคโนโลยีในการวิเคราะห์ข้อมูลช่วยลดการสูญเสียทรัพยากรและการผลิตเกินความจำเป็น ทำให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างแม่นยำและยั่งยืน

  • AI และ Machine Learning: ระบบปัญญาประดิษฐ์สามารถประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ได้รวดเร็ว ช่วยให้ธุรกิจคาดการณ์แนวโน้มของความต้องการสินค้าและบริการ เช่น การพยากรณ์สินค้าที่จะได้รับความนิยมในฤดูกาลถัดไป ซึ่งช่วยลดการสต็อกสินค้าที่ไม่จำเป็น
  • Data-Driven Marketing: การวางแผนกลยุทธ์ที่อิงข้อมูลช่วยลดการทำแคมเปญที่ไม่ตรงเป้าหมายและสิ้นเปลืองทรัพยากร เช่น การระบุว่าลูกค้ากลุ่มใดเหมาะสมกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ตัวอย่าง: บริษัทเสื้อผ้าใช้ระบบ AI วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าเพื่อลดการผลิตสินค้าที่ไม่จำเป็น และออกแบบสินค้าที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ 

2. การสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ยั่งยืนด้วย Martech

การใช้ MarTech เพื่อสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เป็นส่วนตัวและตอบสนองความต้องการในทุกขั้นตอน ช่วยสร้างความพึงพอใจและความผูกพันระยะยาว

  • Personalization: เทคโนโลยีช่วยสร้างประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจง เช่น การส่งข้อเสนอพิเศษที่ตรงกับความสนใจเฉพาะบุคคลผ่านอีเมลหรือแอปพลิเคชัน ลดการส่งข้อความที่ไม่เกี่ยวข้องซึ่งสิ้นเปลืองทรัพยากร
  • Customer Journey Mapping: การติดตามและวิเคราะห์เส้นทางของลูกค้า ช่วยปรับปรุงขั้นตอนที่ไม่จำเป็นหรือซ้ำซ้อน เช่น การลดขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้าให้ง่ายขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกและลดการใช้พลังงานในกระบวนการ

ตัวอย่าง: แบรนด์เครื่องสำอางใช้ CDP เพื่อปรับแต่งคำแนะนำผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้ารายบุคคล โดยอิงจากพฤติกรรมการซื้อที่ผ่านมาและความสนใจ 

3. การพัฒนากระบวนการธุรกิจที่ยั่งยืนด้วย MarTech

ธุรกิจสามารถใช้ MarTech ในการออกแบบกระบวนการที่ลดการใช้ทรัพยากรและส่งเสริมความยั่งยืนในระยะยาว

  • Supply Chain Optimization: การวิเคราะห์ข้อมูลในห่วงโซ่อุปทานช่วยปรับปรุงการจัดหาวัตถุดิบและการผลิต เช่น การลดการขนส่งที่ไม่จำเป็นเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน
  • Circular Marketing: การส่งเสริมการใช้งานซ้ำหรือรีไซเคิล เช่น การสนับสนุนให้ลูกค้าคืนบรรจุภัณฑ์หรือสินค้าเก่าเพื่อแปลงเป็นคะแนนสะสม หรือการนำวัตถุดิบที่ใช้งานแล้วมาผลิตใหม่

ตัวอย่าง: ร้านค้าปลีกที่ใช้ MarTech ในการติดตามการจัดส่งสินค้าและลดระยะทางขนส่ง พร้อมทั้งเสนอส่วนลดเมื่อคืนสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์เพื่อนำกลับมารีไซเคิล 

เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีกว่า
การปรับตัวเข้าสู่ความยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการตอบสนองต่อกระแสความนิยม แต่เป็นการลงทุนที่มีคุณค่าในระยะยาวสำหรับธุรกิจ การใช้ MarTech อย่างชาญฉลาดช่วยสร้างกลยุทธ์ที่สมดุลระหว่างผลกำไรและความรับผิดชอบต่อสังคม ช่วยให้ธุรกิจสามารถยืนหยัดในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าจะเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้า ทุกท่านสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโลกที่ยั่งยืนผ่านการใช้เทคโนโลยีการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพและมีจริยธรรม เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพื่อร่วมสร้างอนาคตที่ดีไปพร้อมกัน 

✓ The right insight at your fingertips.
 —————

“InsightERA” ผู้ให้บริการ MarTech แบบครบวงจร

สนใจหรือสอบถามเพิ่มเติม
https://www.insightera.co.th/contact-us/
Email : [email protected]