มาถึงยุคปัจจุบันที่ Marketing 5.0 ได้มีบทบาทกับโลกการตลาด เห็นได้ชัดเลยว่าปัจจุบันเรากำลังเข้าสู่ยุค MarTech ที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับ Data จากที่เห็นได้ว่า AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญกับหลายภาคธุรกิจ
หาก “ยอดขาย” คือยานพาหนะ ที่ช่วยให้บริษัทขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายได้ “กลยุทธ์ทางการตลาด” ก็เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่ช่วยส่งเสริมการขับเคลื่อนได้อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ
สำหรับคำว่า ‘Marketing 5.0’ มาจากชื่อหนังสือ Marketing 5.0 : Technology for Humanity โดย Philip Kotler ศาสตราจารย์แห่ง Kellogg School of Management เจ้าของฉายา “บิดาแห่งการตลาดสมัยใหม่” ผู้ให้แนวคิดสำคัญทางการตลาดอย่าง 4P (Product, Price, Place, Promotion) ซึ่งเป็นทฤษฎีทางการตลาดที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยมีนักเขียนอีก 2 ท่านร่วมเขียนหนังสือนี้ด้วย ได้แก่ Hermawan Kartajaya และ Iwan Setiawan
ในยุคของการตลาด 5.0 คือยุคของการขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Data-Driven และการให้ความสำคัญกับข้อมูลอย่าง Big Data เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล และใส่ใจกับการเก็บข้อมูลรวมถึง Insight เพื่อเข้าใจลูกค้ามากขึ้น ซึ่งจุดนี้เอง จึงเป็นที่มาให้ทั้งธุรกิจและนักการตลาดต้องให้ความสำคัญกับ MarTech หรือ Marketing Technology ที่ให้ได้มากกว่าการเข้าใจลูกค้า แต่ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งปัจจุบันนักการตลาดส่วนใหญ่ยังคงโฟกัสการทำ Digital Marketing ในรูปแบบเดิมๆอยู่ แต่สำหรับแนวทางของหนังสือเล่มนี้ Philip Kotler ได้ออกมาให้แนวคิดว่า ในวันนี้ก้าวเข้าสู่ยุค MarTech, AI และเน้น Data เป็นสำคัญ ดังนั้นนักการตลาดควรโฟกัสและให้ความสำคัญในเรื่อง Data-Driven Marketing รวมถึง การตลาดแบบเจาะจงตามความต้องการของลูกค้าอย่าง Personalized Marketing ในการทำการตลาดต่อจากนี้ โดยหลักการสำคัญของ การตลาด 5.0 มีดังต่อไปนี้
องค์ประกอบของแนวคิด Marketing 5.0
มีองค์ประกอบหลัก 5 อย่างที่ต้องทำงานสอดคล้องกัน โดยมี Big Data และ Data Platform เป็นฐานรองรับ
ซึ่งหลักการของ Marketing 5.0 จากทั้ง 5 องค์ประกอบสำคัญ
ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 หลักการ และ 3 เทคนิค ได้แก่
หลักการที่ 1 : Data-Driven Marketing
หลักการนี้ถือเป็นหัวใจหลักในการทำ Digital Marketing เลยทีเดียว เพราะการได้มาซึ่งข้อมูล ที่ถูกต้อง แม่นยำ จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยวางกลยุทธ์การตลาดได้ถูกทาง หรือแม้แต่ข้อมูลที่ช่วยจัดพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า เพื่อตอบสนองสินค้าและบริการได้ตรงจุดมากขึ้น ซึ่งข้อมูลจำนวนมหาศาลนี้ ควรถูกวางโครงสร้างในการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ ซึ่งปัจจุบันก็มีเครื่องมือที่เข้ามาช่วยในส่วนนี้ ที่เราคุ้นเคยกันดีอย่างเช่น CRM หรือแม้แต่เครื่องมือที่ทาง อินไซท์เอรา ได้พัฒนาขึ้นมาเอง อย่าง 1 Palette ก็ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และจัดกลุ่มตามพฤติกรรมและความต้องการ ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ คือการใช้ประโยชน์จาก Big Data ควบคู่กับเครื่องมือที่ช่วยรวบรวม จัดกลุ่ม และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยทำให้รู้จักและเข้าใจลูกค้ามากขึ้นกว่าเดิม
หลักการที่ 2 : Agile Marketing
การตลาดในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันอย่างดุเดือด นาทีนี้ต้องไว ใครเร็วใครได้ ความน่าสนใจของหลักการนี้ คือความพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยมุ่งเน้นไปยังผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งอาจไม่ได้ขึ้นตรงตามแผนที่วางไว้ทั้งหมด แต่เน้นการทำงานที่คล่องตัว ทันต่อทุกสถานการณ์ พร้อมนำผลตอบรับที่ได้จากลูกค้า มาปรับปรุงและตอบโจทย์ให้ตรงใจลูกค้าได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง ยิ่งในยุคที่เข้าสู่โลกดิจิทัล การทำแบบสำรวจหรือการรอผลวิจัยลูกค้า อาจไม่ครอบคลุมถึงลูกค้าที่แท้จริง และใช้เวลาค่อนข้างนานในการประมวลผลลัพธ์ ซึ่งอาจไม่แม่นยำเท่าที่ควรอีกด้วย ดังนั้นการนำเครื่องมือที่สามารถวิเคราะห์ Insight ความต้องการของลูกค้าได้แบบ Real-Time จะช่วยส่งเสริมความคล่องตัวให้กับธุรกิจ ตามหลักการ Agile Marketing เพื่อต่อยอดกลยุทธ์ทางการตลาดได้ทันที
องค์ประกอบ 3 เทคนิค ของ Marketing 5.0
เทคนิคที่ 1 Predictive Marketing
ยังอยู่กันที่เรื่องความสำคัญของข้อมูล หรือ Data ในการต่อยอดกลยุทธ์ทางการตลาด เพราะข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์ความสำเร็จในอนาคตได้ และสามารถประเมินความคุ้มค่าที่จะลงทุนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์ ถือว่ามีความแม่นยำสูง และเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยให้การทำแคมเปญทางการตลาดไปได้ถูกทาง ด้วยงบประมาณที่คุ้มค่าอีกด้วย
เทคนิคที่ 2 Contextual Marketing
การวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของแต่ละบุคคล (Personalized Marketing) เพื่อนำเสนอให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ โดยเพิ่มความแม่นยำด้วยการนำเทคโนโลยี เช่น AI, Analytic Software, CRM Software ฯลฯ มาช่วยในการทำ Personalized Content ให้ตรงใจลูกค้ามากขึ้น เพื่อวางแผนทำการตลาดได้อย่างแม่นยำ เปรียบเสมือนเข้าไปอยู่ในใจลูกค้า สร้างความรู้สึกพิเศษ และดึงดูดให้เกิดความสนใจในที่สุด
เทคนิคที่ 3 Augmented Marketing
การนำเทคโนโลยีดิจิทัลอย่าง MarTech เข้ามาช่วยพัฒนาสินค้าและบริการ ได้อย่างชาญฉลาด เพื่อตอบสนองตามความต้องการได้อย่างรวดเร็ว และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ตัวอย่างเช่น การใช้งาน Chatbot เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และเข้ามาช่วยทุ่นแรง ลดภาระของพนักงาน ให้ไปโฟกัสในส่วนสำคัญที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น
โดยทาง Philip Kotler และทีม ได้มีการแบ่งยุคสมัยของการตลาดแต่ละช่วง ดังนี้
Marketing 1.0 – Product Centric:
ช่วงเวลาที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณสมบัติของสินค้า และบริการ เปรียบเทียบวัดกันตามคุณภาพ
Marketing 2.0 – Customer Centric:
ช่วงเวลาที่เน้นกลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ โดยแบ่งลูกค้าออกเป็นกลุ่ม และจัดวางตามกลุ่มของตลาด เพื่อตอบรับได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า
Marketing 3.0 – Human Centric:
เป็นยุคที่เริ่มใส่ใจถึงคุณค่าของสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต ให้ความสำคัญในเรื่องของจรรยาบรรณ ความรับผิดชอบต่อโลก และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
Marketing 4.0 Traditional to Digital
เป็นยุคที่เห็นได้ชัดถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำการตลาด จากการตลาดรูปแบบเดิม หรือ Traditional Marketing ไปสู่ การตลาดในรูปแบบใหม่ ที่เน้นในฝั่งออนไลน์มากขึ้น
Marketing 5.0 Technology for Humanity
มาถึงยุคปัจจุบันที่คนรุ่นใหม่ (Gen Z และ Gen Alpha) เข้ามามีบทบาทกับการตลาดในยุคปัจจุบัน โดยได้มีการผสมผสานระหว่างยุค 3.0 Human Centric และ 4.0 Traditional to Digital เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อใช้เทคโนโลยีในการเข้าใจมนุษย์มากขึ้น และทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลักการของ Marketing 5.0 คือการสร้างความได้เปรียบทางเทคโนโลยี มาขับเคลื่อนการวางแผนและวางกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และมีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ซึ่งการตลาดรูปแบบเดิมอาจไม่สามารถให้ข้อมูลที่มีความแม่นยำได้แบบ Real-Time เหมือนเทคโนโลยีในยุคนี้
สำหรับผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ หรือนักการตลาด สิ่งสำคัญคือควรทำความเข้าใจในมุมมองการตลาดให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการได้รวดเร็วและตรงใจลูกค้ามากที่สุด ในยุคที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดแรงคนทำงาน และนำมาช่วยในการวิเคราะห์ วางแผนการตลาดได้ดียิ่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้าใจและเลือกใช้เทคโนโลยีเหล่านั้นให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง
สำหรับท่านที่สนใจใช้เทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ “อินไซท์เอรา” เรามีโซลูชันที่หลากหลาย ตอบโจทย์ธุรกิจได้แบบครบวงจร (End-to-end MarTech Solution) สามารถติดต่อขอทดลองใช้งาน หรือปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลยนะคะ 🙂
✓ The right insight at your fingertips.
—————
“InsightEra” ผู้ให้บริการ MarTech แบบครบวงจร
สนใจหรือสอบถามเพิ่มเติม
https://www.insightera.co.th/contact-us/
Email : [email protected]