ในยุคปัจจุบัน กระแสหรือเทรนด์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะข่าวสาร บันเทิงหรือไลฟ์สไตล์ ล้วนแล้วเปลี่ยนไปอย่างฉับไวจากการมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินการสิ่งต่างๆ
ซึ่งเมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามามากขึ้น การที่เราค้นหาอะไรในโลกออนไลน์ ย่อมง่ายมากขึ้นเช่นกัน ผ่านการ Search หาข้อมูลบน Browser หรือ Application โดยเฉพาะข้อมูลสื่อ Social Media ที่เป็นอาวุธสำคัญของการทำการตลาด ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกจัดเก็บเพื่อนำมาวิเคราะห์ และประมวลผลอออกมาเป็นเทรนด์ของผู้ใช้งาน ทำให้ได้ Insight ที่สามารถนำมาปรับใช้เพื่อทำการโฆษณาหรือวางแผนการตลาดต่อไป
ดังนั้นการที่แบรนด์รู้เท่าทัน “กระแสหรือเทรนด์” ให้มากขึ้น จะทำให้แบรนด์สามารถมีโอกาสเป็นผู้นำด้านการตลาด และสามารถเอาชนะคู่แข่งได้มากขึ้น
ความสำคัญของ Trends ในการทำการตลาดออนไลน์
เทรนด์ล้วนเกี่ยวกับความใหม่ที่ผู้คนสนใจ หากปราศจากความแปลกใหม่ แบรนด์ก็อาจขาดความน่าดึงดูดไปด้วย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเทรนด์จึงเป็นโอกาสดีในการเสริมสร้างเรื่องราวของแบรนด์และสร้างสรรค์ Content ที่น่าสนใจ
- Trends ช่วยในการรับรู้พฤติกรรมของผู้บริโภค : เทรนด์สามารถช่วยให้แบรนด์สามารถดูความคิดของผู้บริโภคในปัจจุบัน สร้างโอกาสในการทำการตลาดได้อย่างโดดเด่นเป็นไปตามความต้องการที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค
- Trends ช่วยให้แบรนด์มีความสดใหม่และทันสมัย : แบรนด์ที่ตามเทรนด์ได้ทันและนำเทรนด์เหล่านั้นมาใช้ในการทำการตลาดออนไลน์ได้ ก็จะช่วยทำให้ผู้คนสนใจ ถูกพูดถึง เป็นแบรนด์ที่ดูทันสมัย และดูสดใหม่อยู่ตลอดเวลา
เราจะตาม Trends ให้ทันได้อย่างไร?
ปัจจุบัน Browser ที่เข้าถึงง่ายและเป็นที่นิยมมากที่สุด คือ Google ซึ่ง Google มีเครื่องมือสำหรับตรวจสอบความนิยมของคำค้นหา นั้นคือ Google Trends หนึ่งในเว็บไซต์ที่ใช้ Keywords บนโลกออนไลน์ ซึ่งเราสามารถตรวจสอบความนิยมตามตำแหน่งที่เราต้องการได้ ไม่ว่าจะเทรนด์ระดับโลก ระดับประเทศ หรือระดับจังหวัด นอกจากนี้ยังสามารถดูเทรนด์รายวันหรือดูเทรนด์ในอดีตเพื่อวิเคราะห์โอกาสการเติบโตได้เช่นกัน
ในยุคที่ Online Platform เติบโตขึ้น จึงได้มี Social Listening Tool เกิดขึ้น เพื่อเก็บข้อมูลและตรวจสอบความนิยมของการพูดถึงบนโลกออนไลน์ โดยสามารถเก็บข้อมูลได้จากหลากหลายแพลตฟอร์มในรูปแบบ ข้อความ, ภาพ, วิดีโอ หรือ Hashtag ต่างๆ
จากที่กล่าวมาข้างต้น ทุกคนคงสงสัยกันใช่มั้ยคะว่า Google Trends กับ Social Listening Tool แตกต่างกันอย่างไร?
วันนี้อินไซท์เอราจะมาสรุปให้ฟังว่าทั้งสองนั้นมีความเหมือน หรือต่างกันอย่างไร และ Insight ที่ได้นั้นต่างกันหรือไม่?
ความเหมือนของ Google Trends กับ Social Listening Tool
รวบรวมข้อมูลจากโลกออนไลน์ และนำมาแสดงผลเป็น Dashboard ที่เข้าใจง่าย เพื่อวิเคราะห์เทรนด์ และ Insight
เลือกตัวกรองได้ตามการใช้งาน เช่น ช่วงเวลา, ตำแหน่ง, Keywords ที่ใช้ค้นหา เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ตามที่ต้องการ
เปรียบเทียบระหว่าง Keywords หรือเรื่องที่สนใจ เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ไปใช้ตามวัตถุประสงค์
ความละเอียดของข้อมูลที่ได้ระหว่าง Google Trends กับ Social Listening Tool
Google Trends
- เก็บ “ข้อมูลคำค้นหา”
- เก็บได้จากข้อความ
- ระบบอัตโนมัติ
- ดูได้เพียงข้อมูลสรุป
Social Listening Tool
- เก็บ “ข้อมูลการพูดถึง”
- เก็บข้อมูลได้จากข้อความ ภาพ วิดีโอ
- ระบบจัดกลุ่ม คัดกรองข้อมูลเพิ่มเติม
- ดูลิงค์ข้อมูลต้นทางได้
1. Trending Searches
Google Trends
Trending Search จะคอยอัปเดตกระแสให้แบบรายวัน โดยจะบอกให้ผู้ใช้งานรู้ว่ามีอะไรที่คนกำลังพูดถึงอยู่บ้าง หรือทำไมสิ่งนี้เริ่มเป็นที่นิยม รวมถึงสามารถดูข้อมูลในอดีตได้เพื่อดูแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้
Social Listening Tool
เก็บข้อมูลของผู้บริโภคที่อยู่บน Social Media เช่น Facebook, Instagram, Twitter และ Youtube รวมถึง Platform ที่เป็นสังคมแห่งการพูดคุยแลกเปลี่ยนอย่าง Pantip , Blockdit เพื่อให้เราสามารถทราบได้ว่าใครกำลังพูดถึงสินค้า และบริการของแบรนด์บ้าง รวมทั้งสามารถทราบว่าพูดที่ไหน ใครเป็นผู้พูดผ่านคอมเมนต์บนแพลตฟอร์มโซเชียล
2. Explore
Google Trends
สามารถใส่ Keyword ลงในช่องค้นหา จากนั้นก็เลือกช่วงเวลาที่เราต้องการดูข้อมูลได้เลย ซึ่ง Google Trends สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา ย้อนยาวไปจนถึงปี 2004 คัดกรองข้อมูลได้ เช่น ประเทศ, หมวดหมู่ เป็นต้น
Social Listening Tool
สามารถใส่คำค้นหาหลายคำพร้อมกัน ปรับช่วงเวลาได้ตามระยะเวลาที่เก็บข้อมูล แสดงผลได้หลากหลายเช่น Mention, Engagement และมีการคัดกรองที่หลายรูปแบบมากกว่า ตัวอย่างเช่น เลือก Sentiment, Location Based, Influencers เป็นต้น
3. Interest Over Times
Google Trends
สามารถดูระดับข้อมูลที่ Google สรุปเป็นค่า 0-100 ตามช่วงเวลาที่ต้องการเริ่มตั้งแต่ 2004 นำมาแสดงเป็นกราฟเปรียบเทียบได้สูงสุด 5 คำ แสดงเป็นกราฟแท่งระดับรวม และกราฟเส้นระดับตามเวลา
Social Listening Tool
สามารถดูผลลัพธ์รวมของโพสต์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง โดยเปรียบเทียบออกมาในรูปแบบตารางเวลาแบบเข้าใจง่าย และยังสามารถ Filter เฉพาะหัวข้อ หรือเจาะจงแม้กระทั่งแบรนด์หรือคู่แข่งที่เราต้องการเปรียบเทียบได้อีกด้วย
4. Interest by Regions
Google Trends
สามารถดูระดับข้อมูลที่ Google สรุปเป็นค่า 0-100 ตามช่วงเวลาที่ต้องการเริ่มตั้งแต่ 2004 ลักษณะคล้ายกับ Interest Over Times แต่จะสามารถระบุตำแหน่งบนแผนที่ได้ตั้งแต่ระดับเขตไปจนถึงระดับทวีป
Social Listening Tool
วัดผลลัพธ์ด้วย Location Based จะระบุตำแหน่งจากข้อมูลที่มีการพูดถึง สามารถดูได้ว่าบริเวณ หรือเขตไหนมีการพูดถึงไปในทิศทางใดบ้าง และพื้นที่ตำแหน่งไหนได้รับการพูดถึงมากที่สุด ซึ่งทำให้แบรนด์รู้ได้ทันทีว่าพื้นที่ไหนที่คนให้ความสนใจกับสินค้าและบริการมากกว่า รวมถึงสามารถทราบพื้นที่ที่เกิดปัญหาเพื่อเร่งแก้ไขได้ทันเวลา
5. Search Topics & Search Queries
Google Trends
สามารถดูหัวข้อและคำค้นหาที่เกี่ยวข้องได้ใน 25 อันดับ สรุปเป็นค่า 0-100 เลือกดูเป็นแนวโน้ม “มาแรง” หรือ “ยอดนิยม” โดยจะเรียงลำดับจากสูงสุดลงมา
Social Listening Tool
Word Cloud เป็นตัวช่วยในการรวบรวม Keyword หรือ #Hashtag ที่ได้รับการพูดถึง (Mention) มากสุด แล้วทำการตัดคำให้เหลือข้อความที่สำคัญ ทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลนั้นได้ง่ายขึ้น ซึ่งสามารถเลือกดูเป็นรูปตาม “ขนาดตัวอักษร” หรือ “อันดับ” ได้
สรุปแล้วเราควรเลือกใช้ Google Trends หรือ Social Listening Tool?
จะเห็นได้ว่า Trends คือแนวโน้มของความสนใจและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ทำให้การจับกระแสเทรนด์เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
Google Trend เครื่องมือที่ฟรีและช่วยให้นักการตลาดทำงานได้ดีไม่แพ้เครื่องมืออื่นๆ ช่วยให้แบรนด์สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อและ Keyword ที่เราต้องการได้ ดูเทรนด์ความสนใจในสังคมขณะนั้นได้ แต่ไม่สามารถคัดกรองได้อย่างแม่นยำ ในขณะเดียวกัน Social Listening สามารถให้มุมมองที่ยืดหยุ่นและควบคุมตัวกรองได้มากกว่า ไม่มีการจำกัดตัวเลือกหรือจำนวนที่ใช้งาน และยังดูข้อมูลได้หลากหลายช่องทางมากกว่าอย่างชัดเจน
ดังนั้นการมีเครื่องมือที่เอื้อประโยชน์ต่อการเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลจะทำให้ง่ายต่อการทำการตลาดมากยิ่งขึ้น
สำหรับท่านที่กำลังมองหา เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์และต่อยอดกลยุทธ์ทางการตลาดได้ดียิ่งกว่าเดิม!
อินไซท์เอรา ผู้พัฒนาเครื่องมือที่ชื่อว่า DOM – Data Opinion Mining เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีจุดเด่นเรื่องการวิเคราะห์ภาษาได้แม่นยำ ระบบภายในใช้ง่าย อีกทั้ง Analyics View มีความหลากหลาย และเจาะลึก
สามารถตอบโจทย์ทุกธุรกิจ และนักการตลาดได้แบบ “ครบทุกมิติ” ช่วยวิเคราะห์ Customer Insight เปรียบเทียบคู่แข่ง หา Infuencer และนำไปใช้วิเคราะห์ต่อยอดกลยุทธ์ให้ธุรกิจได้ทันที
ทำความรู้จัก DOM : Social Listening & Social Analytics Tool จาก InsightERA
📌 https://www.insightera.co.th/dom/
✓ The right insight at your fingertips.
—————
“InsightERA” ผู้ให้บริการ MarTech แบบครบวงจร
สนใจหรือสอบถามเพิ่มเติม
https://www.insightera.co.th/contact-us/
Email : [email protected]