SHARES:
ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลถูกสร้างขึ้นอย่างมหาศาลในทุกๆ วินาที การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกกลายเป็นหัวใจสำคัญของการตัดสินใจในธุรกิจและการทำงานขององค์กรต่างๆ
หนึ่งในเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล คือเทคโนโลยี Natural Language Processing (NLP) ซึ่งเป็นการประมวลผลภาษาธรรมชาติผ่านการใช้งานคอมพิวเตอร์

NLP เป็นส่วนหนึ่งของศาสตร์ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) ที่เน้นการสื่อสารระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร โดยใช้ภาษาเชิงธรรมชาติที่มนุษย์ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือการเขียน เป้าหมายของ NLP คือการทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจภาษาของมนุษย์ ตีความหมาย และตอบสนองได้อย่างถูกต้อง

การทำงานของ NLP ในยุคปัจจุบันมักจะเชื่อมโยงกับเทคโนโลยี Machine Learning (ML) ซึ่งเป็นการสร้างแบบจำลองผ่านการเรียนรู้จากข้อมูลตัวอย่าง ด้วยการใช้เทคโนโลยีนี้ คอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมาก และพัฒนาไปสู่การทำงานที่แม่นยำและชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น 

การทำงานของ NLP จากพื้นฐานสู่การใช้งานขั้นสูง

การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) แบ่งออกเป็นขั้นตอนหลายขั้นตอนที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจภาษาได้ดีขึ้น ได้แก่

1. Tokenization: การแบ่งประโยคหรือคำพูดออกเป็นคำย่อยๆ (tokens) เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจแต่ละส่วนของประโยค

2. POS Tagging: การจำแนกประเภทของคำว่าเป็นคำนาม คำกริยา คำคุณศัพท์ เป็นต้น

3. Lemmatization และ Stemming: กระบวนการลดรูปคำเพื่อให้คำต่างๆ ที่มีรูปแบบแยกกันสามารถถูกเชื่อมโยงกันได้ ตัวอย่างเช่น คำว่า “เดิน” และ “เดินไป” ซึ่งมีรากคำเหมือนกันแต่ต่างกันในรูปแบบของการใช้คำ

4. Named Entity Recognition (NER): การตรวจจับชื่อเฉพาะ เช่น ชื่อบุคคล ชื่อสถานที่ หรือชื่อองค์กรจากข้อความ

5. Sentiment Analysis: การวิเคราะห์ความรู้สึกที่แฝงอยู่ในข้อความ เช่น ความรู้สึกเชิงบวก เชิงลบ หรือเป็นกลาง

จากขั้นตอนเหล่านี้ NLP ถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองการใช้งานในหลากหลายด้าน เช่น การแปลภาษา การสืบค้นข้อมูล การสนทนาผ่านแชทบอท การค้นหาความรู้สึกในรีวิวสินค้า การตรวจจับฟีดแบ็กเชิงลบต่อแบรนด์ รวมถึงการสนทนาแบบเรียลไทม์ที่ต้องการความเข้าใจและการโต้ตอบที่รวดเร็ว

การผสมผสานของ NLP และ Machine Learning

การผสมผสานระหว่าง NLP และ Machine Learning ทำให้การประมวลผลภาษาของคอมพิวเตอร์เป็นไปอย่างชาญฉลาดและแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดย ML ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมาก และพัฒนาทักษะการประมวลผลภาษาให้มีความเฉลียวฉลาดมากยิ่งขึ้น

การทำงานของ Machine Learning ใน NLP อาศัยข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น บทความ ข้อความแชท รีวิวสินค้า และอื่นๆ เพื่อสร้างโมเดลในการทำนายความหมายของคำหรือประโยคใหม่ โดย ML จะทำการเรียนรู้จากข้อมูลที่ได้รับการสอน (Supervised Learning) หรือจากข้อมูลที่ไม่ถูกระบุชัดเจน (Unsupervised Learning) 

ตัวอย่างการใช้งาน Machine Learning ใน NLP ได้แก่
  • การสร้างแชทบอทที่สามารถสนทนาแบบเรียลไทม์กับลูกค้า โดยไม่ต้องมีมนุษย์คอยตอบคำถาม
  • การวิเคราะห์ความรู้สึกจากข้อความเพื่อประเมินว่าเป็นความคิดเห็นเชิงบวกหรือลบ
  • การประมวลผลและตอบคำถามที่ซับซ้อนจากเอกสารหรือข้อมูลขนาดใหญ่

ด้วยการผสมผสานนี้ คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับความสามารถของมนุษย์ในการเข้าใจและวิเคราะห์ภาษา

ประโยชน์ของเทคโนโลยี NLP และ Machine Learning

เทคโนโลยี NLP และ Machine Learning กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการที่องค์กรใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและการทำงานในหลายด้านอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนของเทคโนโลยีเหล่านี้ ได้แก่

การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่: องค์กรสามารถใช้ NLP เพื่อประมวลผลข้อมูลเชิงข้อความขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากแหล่งต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย รีวิวสินค้า บทความข่าว เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปสู่การวิเคราะห์เชิงลึกที่มีคุณค่าต่อการตัดสินใจทางธุรกิจ

การปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า: แชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย NLP และ ML สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ทำให้ลูกค้าได้รับการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ และลดภาระงานของฝ่ายบริการลูกค้า

การแปลภาษาและการแปลอัตโนมัติ: ด้วยเทคโนโลยี NLP ที่มีการฝัง Machine Learning การแปลภาษาในระดับเครื่องจักรได้รับการปรับปรุงให้มีความแม่นยำมากขึ้น ทำให้การสื่อสารระหว่างภาษาต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น 

ความท้าทายและการพัฒนาของ NLP ในอนาคต

แม้ว่าเทคโนโลยี NLP จะมีความก้าวหน้าอย่างมากในปัจจุบัน แต่ยังคงมีความท้าทายในการพัฒนาในอนาคต ซึ่งรวมถึงการทำความเข้าใจในบริบทที่ซับซ้อนของภาษา ตัวอย่างเช่น ความหลากหลายของภาษาและวัฒนธรรม ความหมายแฝงหรือความเข้าใจในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งทำให้การประมวลผลภาษาเป็นสิ่งที่ท้าทาย

นอกจากนี้ ความแม่นยำของโมเดล NLP ยังขึ้นอยู่กับคุณภาพและปริมาณของข้อมูลที่ถูกใช้ในการฝึกอบรม ซึ่งหมายความว่า โมเดลที่ถูกฝึกจากข้อมูลที่ไม่ครอบคลุมอาจไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเจอกับข้อมูลใหม่ๆ ที่ไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน 

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี NLP และ Machine Learning กับเครื่องมือ MarTech
หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจของการใช้เทคโนโลยี NLP และ Machine Learning ในการประมวลผลข้อมูล จากเครื่องมือ MarTech ที่ทรงพลัง ในการเข้าใจลูกค้า เข้าใจเทรนด์บนโลกออนไลน์ที่มีมหาศาลอย่างเครื่องมือ Social Listening

DOM Social Listening ที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท InsightERA ผู้ให้บริการด้าน MarTech แบบครบวงจร
ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียและแหล่งข้อมูลออนไลน์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

DOM ใช้เทคโนโลยี NLP ในการดึงข้อมูลและประมวลผลข้อความที่มาจากหลายแหล่ง เช่น Facebook, Twitter, Instagram, และแพลตฟอร์มอื่นๆ ทำให้สามารถวิเคราะห์ความคิดเห็นของผู้ใช้งานเกี่ยวกับแบรนด์ สินค้า หรือบริการต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ

ด้วยการใช้เทคโนโลยี Machine Learning เครื่องมือนี้สามารถเรียนรู้จากข้อมูลที่ถูกดึงมา และปรับปรุงความสามารถในการทำนายแนวโน้มของความคิดเห็นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับความคิดเห็นเชิงบวกหรือเชิงลบ การวิเคราะห์ฟีดแบ็กจากลูกค้า หรือการประเมินความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมาย

เครื่องมือ DOM ยังมีการรายงานผลการวิเคราะห์ที่ละเอียดและครอบคลุม ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจภาพรวมของความคิดเห็นทางสังคมได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องใช้เวลานานในการคัดกรองข้อมูลจำนวนมากด้วยตนเอง 

ทำความรู้จัก DOM : Social Listening & Social Analytics Tool จาก InsightERA

เครื่องมือที่พัฒนาโดยคนไทย ตอบโจทย์ธุรกิจไทย เพราะวิเคราะห์ #Insight ภาษาไทยอย่างแม่นยำ
📌 https://www.insightera.co.th/dom/

ดังนั้นเทคโนโลยี NLP และ Machine Learning ถือเป็นการเปิดประตูสู่ความสามารถใหม่ๆ ในการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลภาษาธรรมชาติ ด้วยการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ธุรกิจและองค์กรสามารถเข้าใจความคิดเห็นของผู้ใช้ได้ลึกซึ้งขึ้น
✓ The right insight at your fingertips.

—————

“InsightERA” ผู้ให้บริการ MarTech แบบครบวงจร

สนใจหรือสอบถามเพิ่มเติม
https://www.insightera.co.th/contact-us/
Email : [email protected]