แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะเผชิญความท้าทายจากวิกฤตต่างๆ เช่น ผลกระทบระยะยาวจากโควิด-19 หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ แบรนด์ต่างๆ ยังคงต้องปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์การตลาดอย่างต่อเนื่อง
การมี “Online Community” ทำให้แบรนด์สามารถตอบคำถามลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์ หรือรู้สึกถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกับสินค้าและบริการ จากการตอบคำถามของแบรนด์ ซึ่งการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าย่อมทำให้เกิดความจงรักภักดีต่อแบรนด์ที่เพิ่มสูงขึ้น (Customer Loyalty)
อย่างที่บอกในตอนแรกว่า Community Marketing เป็นการรวบรวมคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกันเอาไว้ แบรนด์สามารถนำเสนอสินค้าหรือบริการได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องมีการยิง Ads เพื่อหาลูกค้าใหม่บ่อยๆ ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดบางส่วนได้ ซึ่งการตลาดรูปแบบนี้ช่วยสร้างแบรนด์ให้ลูกค้าเชื่อถือ จึงไม่จำเป็นต้องมีการทำการตลาดมากเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเท่าแบรนด์ที่ไม่มี Online Community
การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีช่วยให้สร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจแก่ลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ ความประทับใจนี้สามารถทำให้ลูกค้าทั่วไปกลายเป็นลูกค้าประจำได้ และจะมีการบอกต่อถึงความประทับใจและประสบการณ์จากการใช้สินค้าหรือบริการที่ดีให้กับคนรู้จัก ส่งผลให้ผู้ได้รับการบอกต่อเกิดความสนใจในแบรนด์และกลายเป็นลูกค้าใหม่ได้ในที่สุด
การมี Community ทำให้มีการพูดถึงแบรนด์ ในรูปแบบที่สามารถตอบโต้กันได้ ยิ่งมีการพูดถึงมาเท่าไหร่ Online Community ของแบรนด์ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นที่จะติดอันดับแรกๆ เมื่อมีคนค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของแบรนด์บน Search Engine ซึ่งจะช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ให้กับผู้ที่ไม่เคยรู้จักแบรนด์ นอกจากนี้ยังเป็นการดึงดูดลูกค้าเก่าให้กลับมาใช้แบรนด์อีกครั้ง ทำให้มียอดขายที่เพิ่มมากขึ้นได้
ในการวางแผนการตลาดไม่ว่าจะกลยุทธ์แบบใดก็ตาม ต้องมีการสำรวจความต้องการของลูกค้า เพื่อสำรวจความชอบแล้วจึงนำมาต่อยอด ไม่เพียงแต่การตลาดรูปแบบนี้ แต่รวมถึงการตลาดในรูปแบบอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน
การจะทำ Community Marketing นอกจากแบรนด์ต้องมีการตอบสนองกับลูกค้า กลุ่มของลูกค้าก็ต้องมีการตอบสนองร่วมกันด้วยเช่นกัน ซึ่งจะต้องเป้าหมายในการต้องการสินค้าหรือบริการในรูปแบบเดียวกัน เพื่อให้ Community มีการพูดคุยถึงสิ่งที่ชอบในทิศทางเดียวกัน
ไม่ว่าจะทำกลยุทะ์รูปแบบไหน ล้วนต้องมี Content ที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้า ในการสร้าง Content จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้ามามากขึ้น และการที่กลุ่มไม่ได้ทางการมากเกินไป ทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนเพื่อนๆ ที่สนใจเรื่องเดียวกันมาคุยกัน จะทำให้ความสัมพันธ์ภายในกลุ่มดูใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
จากเคล็ดลับที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนต้องมีการเก็บข้อมูล “Customer Insight” เพื่อทำการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อให้ง่ายต่อการเก็บข้อมูลมากยิ่งขึ้น โดยสามารถทำได้หลากหลายวิธีทั้งในรูปแบบ Open Source, Owned Source หรือจะเลือกเก็บข้อมูลจาก Social Media ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า Social Listening ก็ได้เช่นกัน ซึ่งอินไซท์เอราเองก็เป็นหนึ่งในผู้พัฒนา Social Listening Tool อย่าง “DOM (Data Opinion Mining)” ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลได้ละเอียดและตรงจุด
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้สามารถพูดได้เลยว่า Community Marketing เป็นการตลาดที่เน้นสร้างชุมชนสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจร่วมกัน หากเแบรนด์สามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากลับธุรกิจ จะทำให้ลูกค้าเป้าหมายเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์และเกิดการบอกต่อได้ในที่สุดและเป็นการช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์สินค้าบริการให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
✓ The right insight at your fingertips.
—————
“InsightEra” ผู้ให้บริการ MarTech แบบครบวงจร
สนใจหรือสอบถามเพิ่มเติมhttps://www.insightera.co.th/contact-us/Email : [email protected]
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้เหล่านี้สามารถเก็บรวบรวมพฤติกรรมในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ รวมถึงรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับวิธีการเข้าถึงและพฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของท่าน ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย และช่วยให้เราเข้าใจถึงความสนใจของท่าน อีกทั้งยังสามารถวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาของเรา