SHARES:

ปัจจุบันโลกธุรกิจมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา การสร้างกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่จะเติบโต ซึ่งการสร้างกลยุทธ์ให้กับธุรกิจเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น การจะมั่นใจได้ว่ากลยุทธ์นั้นมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องมี “การวัดและปรับกลยุทธ์ (Measuring & Adapting)” 

วันนี้อินไซท์เอราจะพามาทำความรู้จักกับ “Measuring & Adapting” คืออะไร? มีความสำคัญในการทำธุรกิจอย่างไร? รวมถึงจะพาไปรู้จักการทำ แนวทางสำหรับการวัดและปรับกลยุทธ์ กันค่ะ
การวัดกลยุทธ์ธุรกิจ หรือ Measuring

การวัดประสิทธิผลของกลยุทธ์ธุรกิจ ต้องเน้นไปที่เมตริกทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ, ตัวชี้วัดเชิงปริมาณประกอบด้วยส่วนแบ่งการตลาด, อัตราการเติบโตและการรักษาลูกค้า, ตัวเลขยอดขาย, ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ และการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย เป็นต้น

ตัวชี้วัดเหล่านี้สามารถทำให้เห็นถึงประสิทธิภาพจากการทำการตลาด เพื่อประเมินประสิทธิภาพของธุรกิจและรู้ถึงจุดที่ต้องปรับปรุง นอกจากนี้ ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ เช่น ความคิดเห็นของลูกค้า, แบบสำรวจการรับรู้ถึงแบรนด์ และการวิเคราะห์ความรู้สึก จะทำให้รู้ถึงข้อมูลเชิงลึกจากกลุ่มเป้าหมายว่ามีแนวโน้มความรู้สึกต่อธุรกิจเป็นไปในทิศทางไหน 

การปรับกลยุทธ์ หรือ Adapting

ความสามารถในการปรับกลยุทธ์ของธุรกิจให้เข้ากับสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในระยะยาว ทำให้ธุรกิจมีโอกาสและสามารถก้าวหน้านำคู่แข่งได้ ซึ่งธุรกิจต้องมีการติดตามแนวโน้มของตลาด และมีความยืดหยุ่นกับสถานการณ์ต่างๆ

  • ติดตามแนวโน้มของตลาด : จับตาดูแนวโน้มของอุตสาหกรรม กลยุทธ์ของคู่แข่ง และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับของตลาดในปัจจุบัน
  • มีความยืดหยุ่น : พร้อมที่จะปรับกลยุทธ์ของธุรกิจตามสถานการณ์ ณ ช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการปรับกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มลูกค้า ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของธุรกิจ หรือสำรวจช่องทางการตลาดใหม่ๆ 
แนวทางสำหรับการวัดและปรับกลยุทธ์ (Measuring & Adapting)

เข้าใจการเดินทางของลูกค้า (Customer Journey) : เส้นทางของผู้บริโภคตั้งแต่ก่อนจะเป็นลูกค้า จนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ รวมถึงกลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการนั้นซ้ำ ถือเป็นแนวคิดที่ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าเพื่อมองเห็นภาพรวม บ่งชี้ปัญหาและนำไปแก้ไขพัฒนาธุรกิจของเราได้อย่างถูกจุด และนำไปใช้ในการวางแผนการตลาดของธุรกิจ (อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.insightera.co.th/customer-journey)

ศึกษาข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า :
ข้อมูลดิจิทัลที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมีจำนวนมาก นักการตลาดจึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อทำความเข้าใจข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ทำให้สามารถเข้าใจลูกค้าได้อย่างมากขึ้น


แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกภายในองค์กร : การนำข้อมูลมาไว้ในมือของทุกคน จะทำให้ทั้งองค์กรมีความเข้าใจตรงกัน และขับเคลื่อนการตัดสินใจแบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการให้คนในองค์กรร่วมกันเพื่อจุดประกายไอเดียต่างๆ

มอบประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า :
เมื่อธุรกิจมีปฏิสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องแก่ลูกค้า จะนำไปสู่ประสิทธิภาพทางการตลาดที่ดีขึ้นโดยธรรมชาติ ซึ่งสามารถทำได้หลากหลายวิธี โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มต่างๆ ให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น 

ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการปรับตัวและพัฒนาถือเป็นสิ่ง
สำคัญเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ การวัดผลและการปรับกลยุทธ์แบรนด์มีบทบาทสำคัญในการ
เปลี่ยนแปลงให้ประสบผลสำเร็จ เราจะต้องเจาะลึกแนวคิดในการวัดผลและปรับใช้กลยุทธ์ของธุรกิจ สำรวจกลยุทธ์หลักและข้อมูลเชิงลึกเชิงปฏิบัติเพื่อเป็นแนวทางให้ธุรกิจต่างๆ บน
เส้นทางสู่ความสำเร็จ

สุดท้ายแล้วกลยุทธ์แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ถูกกำหนดไว้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ต้องพัฒนาไปพร้อมกับธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงของตลาดในยุคปัจจุบัน 

สำหรับท่านที่สนใจเครื่องมือ Social Listening

อินไซท์เอรา ผู้พัฒนาเครื่องมือที่ชื่อว่า DOM – Data Opinion Mining เป็นหนึ่งในเครื่องมือ ที่สามารถตอบโจทย์ทุกธุรกิจ และนักการตลาดได้แบบ “ครบทุกมิติ” ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่มีความแม่นยำ โดยแสดงผลลัพธ์ในหน้า Dashboard แบบเข้าใจง่าย นำไปใช้วิเคราะห์ต่อยอดกลยุทธ์ให้ธุรกิจได้ทันที
 
ทำความรู้จัก DOM : Social Listening & Social Analytics Tool จาก InsightEra
📌 https://www.insightera.co.th/dom/

 
✓ The right insight at your fingertips.

—————

“InsightERA” ผู้ให้บริการ MarTech แบบครบวงจร

สนใจหรือสอบถามเพิ่มเติม
https://www.insightera.co.th/contact-us/
Email : [email protected]