ทุกท่านคงทราบกันดีอยู่แล้วนะคะว่า “Marketing” คืออะไร ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแต่การทำการตลาดทั่วไปเท่านั้น วันนี้อินไซท์เอราจะพาทุกคนไปรู้จักการตลาดอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เรียกว่า “Martech หรือ Marketing Tecnology”
Marketing Technology คืออะไร?
“Martech” เป็นการตลาดแบบใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีนำเครื่องมือ (Tools) และระบบ (Platform) ที่พัฒนาขึ้นเพื่อมาช่วยในการทำการตลาดของแบรนด์ให้มีประสิทธิภาพและประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น ซึ่งในอดีตมักจำกัดการใช้งานอยู่แค่องค์กรใหญ่ และหลายๆ แบรนด์จะโฟกัส Social Media เป็นหลัก แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน แบรนด์จึงต้องปรับตัวให้ทันเทคโนโลยีการตลาดในประเทศไทยที่กำลังเติบโต
โดยวันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ 11 Martech Trends สำคัญในปัจจุบัน ที่เป็นประโยชน์ถึงอนาคตข้างหน้ากันค่ะ (Source: Exploding Topics)
1.Influencer Marketing เข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น
แม้ Influencer Marketing ไม่ใช่เป้าหมายหลักในการทำการตลาด แต่แน่นอนว่าการใช้บุคคลที่มีผู้ติดตามสูง ย่อมทำให้เกิด Brand Awareness
จากการสำรวจของ BigCommerce พบว่า 65% ของธุรกิจวางแผนเพิ่มงบประมาณในการใช้ Influencer เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Influencer Marketing ใหม่ๆ จะเข้าสู่ตลาดเยอะขึ้น
เพื่อให้การทำงานการตลาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แบรนด์จำป็นต้อง
1.สำรวจหาผู้ติดตามที่ตรงตามกับตัวแบรนด์
2.กรองผู้ที่มีจำนวนผู้ติดตามขั้นต่ำ (หรือสูงสุด) เพื่อกำหนดงบประมาณและปริมาณ Engagement ที่แบรนด์ต้องการ
3.ติดต่อ Influencer เพื่อทำการว่าจ้าง
4.เจรจาข้อมูลและเงื่อนไขการทำงานให้ชัดเจน
5.ติดตามผลการทำงาน
ซึ่งปัจจุบันมีแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการเลือก Influencer ตัวอย่างเช่น
หนึ่งฟีเจอร์เด่นจาก DOM:Social Listening & Social Analytics Tool ที่ช่วยค้นหา Influencer หรือบุคคลที่มีอิทธิพลต่อธุรกิจของคุณบนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งจะวิเคราะห์และจัดอันดับจาก Engagement ที่ได้รับตามหัวข้อที่สนใจ ทำให้นักการตลาดสามารถกำหนด Influencer ที่เหมาะสมกับแบรนด์และนำไปต่อยอดวิเคราะห์ในเชิงประสิทธิภาพ
2.Chatbots เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและความรวดเร็ว การให้ความสำคัญกับ Martech Chatbots จึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสนใจ อ้างอิงจากผลสำรวจ ลูกค้ามักต้องการมีปฏิสัมพันธ์ หรือมีส่วนร่วมกับแบรนด์ ด้วยการสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย
ดังนั้น ถ้าแบรนด์ของคุณมีเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มการทำงานให้แบรนด์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เครื่องมือที่พร้อมเป็น “ผู้ช่วยธุรกิจ” ทุกช่องทาง ตลอด 24 ชั่วโมง ตัวอย่างเช่น
“ALICE แชทบอทสัญชาติไทย เข้าใจลูกค้าคนไทยมากที่สุด” ซึ่งนอกจากจะเป็นตัวช่วยพร้อมให้บริการลูกค้าได้ทันที่ แต่ยังสามารถวิเคราะห์สถิติการพูดคุย เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและความต้องการของลูกค้ามากขึ้น! รู้จัก ALICE Chatbot ผู้ช่วย AI สุดฉลาดได้ที่ https://www.insightera.co.th/alice
3.Scheduling Tools ในช่วงเวลาที่คนสนใจ
การสร้างคอนเทนต์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ใช่แค่การมีไอเดียให้สร้างสรรค์ หรือทำแคมเปญเพื่อให้แบรนด์ได้รับความสนใจเพียงอย่างเดียว แต่ความท้าทายอีกอย่างหนึ่งสำหรับนักการตลาด คือ การจัดตารางวัน และเวลาโพสต์อย่างมีแบบแผน เพราะการที่คนทั่วไปใช้เวลาในการเล่นโซเชียลที่แตกต่างกัน แบรนด์ต้องคิดว่าการโพสต์แคมเปญในช่วงเวลาไหนให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทำให้การรักษาสถานะของแบรนด์ที่ต้อง Active ตลอดเวลาอาจเป็นไปได้ยาก
ยกตัวอย่างอีกหนึ่งฟีเจอร์ของ DOM:Social Listening & Social Analytics Tool ที่นอกจากจะเก็บรวบรวมข้อมูลจาก Social Media แบบ Real-time ได้แล้ว ยังสามารถสำรวจได้ว่าช่วงเวลาไหนได้รับความสนใจมากสุด โดยเปรียบเทียบออกมาในรูปแบบตารางเวลาแบบเข้าใจง่าย ซึ่งสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่การวางแผนการโปรโมทได้ในอนาคตอีกด้วย
4.Podcasts ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
จากความนิยมที่มากขึ้นในการฟัง Podcast ปัจจุบันจึงมี Podcast ในหัวข้อของ MarTech เพิ่มมากขึ้น
ซึ่ง Martech Podcast เป็นการบอกเล่าเรื่องราวที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างการเติบโตและบรรลุความสำเร็จทางธุรกิจ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความท้าทาย เคล็ดลับ เครื่องมือที่ช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ โดยเราจะเป็นเพียงผู้ฟังเพื่อศึกษาความรู้จากนักการตลาดคนอื่นๆ หรือสามารถสร้าง Podcast เพื่อโปรโมทแบรนด์ของตัวเองผ่านการเล่าเรื่องได้เช่นกัน
ช่องทางนี้เป็นโอกาสในการสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน จากพฤติกรรมคนที่เปลี่ยนแปลงไปในโลกดิจิทัล การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจากหลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะช่องทางที่โดดเด่นผ่านการใช้เสียงอย่าง Podcasts จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
5. เครื่องมือสร้าง Video มีเพิ่มมากขึ้น
จากรายงาน “2020 State of Video Marketing” ของ Wyzowl พบว่า 92% นักการตลาดที่ทำ Video Marketing กล่าวว่า สิ่งนี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญ
สาเหตุที่ Video Marketing มีความสำคัญ เพราะมีการช่วยให้มีการเข้าถึง ยอดขายเพิ่มมากขึ้น และช่วยให้ลูกค้าเข้าใจในตัวแบรนด์เพิ่มมากขึ้น แต่ในการสร้างวิดีโอมักมีค่าใช้จ่ายที่สูง และใช้เวลานาน จึงเป็นเรื่องยากที่นักการตลาดจะใช้ Video Marketing
ปัจจุบันการทำ Video Marketing ง่ายขึ้น เพราะมีเครื่องมือมากมายที่ช่วยตอบโจทย์การผลิตงาน VDO และช่วยในการตัดต่อ VDO ได้ง่าย และประหยัดกว่าการทำ VDO ในรูปแบบเดิม ตัวอย่างเช่น Canva, Inshot, Capcut เป็นต้น
6. E-mail Marketing กลับมาอีกครั้ง
การตลาดผ่าน E-mail เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันมีการพัฒนา Software เพื่อทำการตลาดผ่านอีเมล สิ่งสำคัญคือการเลือก Software ที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยยกระดับการตลาดของแบรนด์ให้โตขึ้นไปอีกขั้น
E-mail Marketing เป็นมากกว่าการส่งอีเมลทั่วไป เพราะสามารถใช้ในการเพิ่มจำนวนลูกค้า แบ่งกลุ่มตามรายการที่เราต้องการ และรวมช่องทางการตลาดทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทำให้การตลาดรูปแบบนี้กลายเป็น Solutions ที่ช่วยให้แบรนด์เติบโตและสร้างรายได้มากขึ้น
ตัวอย่าง Software การตลาดทาง E-mail ที่ดีที่สุดในปี 2023 (Source: Investopedia)
1.Malichimp
2.ActiveCampaign
3.MailerLite
4.Hubspot
5.Moosend
6.Drip
7. Ad Campaign Automation ทุกบริษัทต้องใช้งาน
การตลาดแบบอัตโนมัติ หรือ Marketing Automation เป็นการใช้เทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการทำการตลาด เพราะสามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด เช่น การตลาดผ่านอีเมล์ การโพสต์โซเชียลมีเดีย หรือการทำแคมเปญโฆษณา ซึ่งนับเป็นการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และช่วยให้แบรนด์บรรลุเป้าหมายทั้งทางการตลาดและการขาย
อ้างอิงจาก VentureBeat จะเห็นได้ว่า แบรนด์ที่มีการทำ Marketing Automation จะมีจำนวนผู้เข้าชม (Lead) มากถึง 80% และมีอัตราการเปลี่ยนผู้ชมเป็นลูกค้า (Conversion) มากกว่า 77%
ทำไมถึงต้องทำ Marketing Automation?
1.เข้าใจลูกค้ามากขึ้น
2.ทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3.ประหยัดเวลา
4.เก็บข้อมูลอัตโนมัติ
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Marketing Automation เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ นักการตลาดในยุคดิจิทัลให้ความสำคัญ เพราะช่วยให้การทำงานของนักการตลาดแม่นยำขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้คน
8. เพิ่มการลงทุนในการตลาดเฉพาะบุคคล (Personalization Marketing)
Personalization Marketing คือการใช้กลยุทธ์โดยนำเสนอเนื้อหาเฉพาะบุคคลไปยังลูกค้าผ่านการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ และการใช้ Automation Technology
ซึ่งเป้าหมายของการตลาดรูปแบบนี้คือการมีส่วนร่วมกับลูกค้าหรือผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า โดยการสื่อสารผ่านรายบุคคล เช่น การได้รับอีเมล์โฆษณา SMS หรือจากช่องทางอื่นๆ
เนื่องจากแบรนด์ต่างๆ มักคุ้นเคยกับการตลาดนี้มากขึ้น การปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลจึงส่งผลต่อรูปแบบการสื่อสารกับลูกค้าหลายรูปแบบ
Personalized Email Marketing : อีเมลที่มีหัวเรื่องและเนื้อหาที่รู้ใจลูกค้า ซึ่งไม่ใช่เนื้อหาแบบ 1 to all แต่เป็นแบบ 1 to 1 เพื่อให้โดนใจลูกค้าแต่ละรายมากที่สุด โดยการทำการตลาดรูปแบบนี้ ช่วยเพิ่มแนวโน้มที่จะถูกเปิดอีเมลมากขึ้นถึง 50%
โฆษณาแบบทั่วไปจะมีน้อยลง : ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบโฆษณาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากขึ้น โดยผู้ซื้อให้ความสนใจกับ Personalization Marketing มากถึง 70%
คำแนะนำผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล : 75% ของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อหลังจากได้รับคำแนะนำส่วนบุคคล
9. ความต้องการ SEO มีเพิ่มมากขึ้น
ในปัจจุบันหลายๆ แบรนด์หันมาให้ความสนใจกับ SEO (Search Engine Optimization) หรือคือการทำให้เว็บไซต์ของตัวเองขึ้นไปติดอันดับหน้าแรกๆ ของ Google ด้วยการศึกษา Keyword และ Technical ซึ่งรวมถึงการสร้างหน้าตาเว็บไซต์ให้มีความน่าเชื่อถือ
ซึ่งการมี SEO Tools หรือ Software มาช่วยในการเข้าถึงลูกค้าเพื่อจุดประสงค์ต่างๆ ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเก็บจำนวนผู้เข้าชม หรือเพื่อสร้างยอดขาย ช่วยให้การตลาดเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น
ตัวอย่างโปรแกรมทำ SEO ที่ช่วยให้ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น อย่าง Screamingfrog จะคอยแสกน Tag ต่าง ๆ และเช็คความถูกต้องของหน้าเว็บ เช่น หัวข้อไหนที่ไม่มี Title หรือความยาว Title ไม่เหมาะสม
นอกจากการมีเครื่องมือ ที่ช่วยในการทำ SEO แล้วยังมีเครื่องมือที่ช่วยในการวัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์ที่น่าสนใจอีกมากมาย ตัวอย่างเช่น Google Analytics, Google Search Coonsole, Ahrefs เป็นต้น
10.การตลาดทาง SMS กลายเป็นกระแสหลัก
จากข้อมูลของ LearnHub บอกกว่า 70% ของผู้บริโภคคิดว่า SMS เป็นวิธีที่ดีในการเข้าถึงฐานลูกค้า และข้อความ SMS สามารถปิดการขายได้มากถึง 47%
เนื่องจากเป็นการเข้าถึงเป้าหมายอย่างตรงกลุ่ม จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมจึงควรทำการตลาดผ่าน SMS หรือ Short Message Service
ข้อดีของการทำการตลาดผ่าน SMS คือ
1.เข้าถึงลูกค้าได้อย่างรอบด้าน
2.ช่วยรักษาฐานลูกค้า
3.กระตุ้นให้เกิดการกลับมาซื้อซ้ำ
4.แจ้งโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่มได้
5.ประหยัดต้นทุน
ตัวอย่างผู้นำด้านการตลาด SMS คือ twilio ซึ่งจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า
ซึ่งการตลาดแบบข้อความนี้ สามารถปรับใช้กับแบรนด์ได้หลายรูปแบบ และสามารถกำหนดได้ว่าจะส่งให้ลูกค้าคนไหน ซึ่งต่างกันในลูกค้าแต่ละคน ทำให้เห็นถึงความใส่ใจลูกค้าและช่วยสร้างความรู้สึกพิเศษ
11. การพัฒนา Martech ให้ตอบโจทย์มากขึ้น
จากข้อมูลของ Chiefmartech ที่แรกเริ่มที่มีเครื่องมือเกี่ยวกับ Martech อยู่ประมาณ 150 เครื่องมือ จนในปีล่าสุด 2023 มีมากขึ้นถึง 11,038 เครื่องมือ! ซึ่งเทียบอัตราการเติบโต ถือว่าสูงถึง 7,258% เลยทีเดียว
และเนื่องจากนักการตลาดหรือแบรนด์ต่างๆ มีความต้องการ สำหรับ Software การทำการตลาดที่หลากหลาย บริษัทผู้ให้บริการ SaaS จึงมีการพัฒนาฟีเจอร์ของตัวเองให้หลากหลาย เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน และครอบคลุมเพิ่มมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น Canva (ซึ่งมีมูลค่า4 หมื่นล้านดอลลาร์) มีความโดดเด่นด้วยความสามารถในการเข้าถึงและใช้งานง่าย
นอกจากนี้ยังมีบริษัท Martech อื่นๆ ที่กำลังเติบโตด้วยวิธีการต่างๆ เช่น
Agency Analytics สร้างรายงานลูกค้าสำหรับเอเจนซี่
Influence Grid เป็นเครื่องมือสำหรับค้นหาผู้มีอิทธิพลบน TikTok
Wavve เปลี่ยนตอนของ Podcast เป็นคลิปเสียงเพื่อแชร์บน Twitter
แม้แต่ทาง InsightERA เอง เราก็เป็นผู้พัฒนาเครื่องมือ Martech เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจแบบครบวงจรเช่นกัน
Marketing Technology เมื่อหลายปีที่แล้วอาจเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับหลายๆคน แต่ปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในเทรนด์การตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
ซึ่ง Martech Trends ที่นำเสนอไปในบทความนี้ ทำให้เห็นถึงแน้วโน้มเทคโนโลยีการตลาดในอนาคต เนื่องจากการตลาด และเทคโนโลยีมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และเข้าใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อความสำเร็จของธุรกิจ
✓ The right insight at your fingertips.
—————
“InsightEra” ผู้ให้บริการ MarTech แบบครบวงจร
สนใจหรือสอบถามเพิ่มเติม
https://www.insightera.co.th/contact-us/
Email : [email protected]
