SHARES:
ปัจจุบันเทรนด์ต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ปัจจัยเชิงดิจิทัลมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น ทำให้นักการตลาด จำเป็นต้องนึกถึงเทรนด์สำคัญ ที่เป็นตัวกำหนดการตลาดดิจิทัลแบบ B2B ในอนาคต 

ดังนั้น ผู้ที่เคยมีความคิดว่าธุรกิจแบบ B2B ไม่ต้องทำการตลาด หรือการทำการตลาดระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ (B2B Marketing) เป็นไปได้ยาก วันนี้ทางอินไซท์เอรา จะพาไปส่อง 10 เทรนด์การตลาด B2B สำหรับปี 2023 ที่คาดว่าจะเป็นเทรนด์จนถึงปี 2026 (Source: Exploding Topics) โดยช่วยส่งเสริมทีมการตลาดและธุรกิจในการทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 10 เทรนด์นั้นมีอะไรบ้างไปดูกันเลย!

1.Social Media ช่องทางอันดับ 1 สำหรับการตลาด

รูปด้านบนแสดงให้เห็นว่าในปี 2022 Social Media เป็นช่องทางการตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด (Source: HubSpot – State of Marketing Trends Report 2022)
สิ่งที่ทำให้ Social Media ได้รับความนิยมมีหลายสาเหตุ ซึ่งอินไซท์เอราขอหยิบยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดนะคะ 

ในปี 2020 ผู้คนใช้เวลาออนไลน์มากขึ้นจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 เนื่องจากการกักตัว ผู้คนต่างใช้เวลาในพื้นที่เสมือน (Virtual Spaces) เพิ่มมากขึ้น และกว่า 51% ดูคอนเทนต์ผ่าน Streaming ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ทำให้นักการตลาดสามารถทำการตลาดแบบ B2B ได้มากขึ้น

Social Media ทำให้เจอผู้คนจากต่างพื้นที่ทั่วโลก โดยมีผู้ใช้หลายล้านคนบนแพลตฟอร์ม เช่น Facebook, LinkedIn และ Twitter ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าจำนวนมาก และสามารถเลือกลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น

Social Media เปิดโอกาสให้บริษัท B2B มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า และคนในอุตสาหกรรมผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า จะนำไปสู่การเพิ่ม Brand Awareness และ Brand Loyalty ได้

นอกจากการใช้ Social Media ในการทำการตลาดและเพิ่มช่องทางการสื่อสารแล้ว เรายังสามารถเก็บข้อมูลและวิเคราะห์การพูดถึงบนโลกออนไลน์ได้ ว่ามีการพูดถึงแบรนด์แบบไหนบ้าง เพื่อนำมาวิเคราะห์ และใช้ในการวางแผนหรือทำแคมเปญในอนาคตได้

2.Podcasts กลับมามีกระแส กลายเป็นช่องทางหลัก

จากรูปเป็นสถิติการค้นหา Podcasts บน Spotify ในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา เห็นได้ว่ามีผู้ที่ฟัง Podcasts เพิ่มมากขึ้นทุกปีอย่างรวดเร็ว ซึ่งกลายเป็นช่องทางยอดนิยมและมีประสิทธิภาพในการสื่อสาร


Podcast ช่วยในการสื่อสารกับลูกค้าแบบไหนได้บ้าง?
Podcast ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือกับฐานลูกค้าได้ผ่านน้ำเสียง ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความน่าเชื่อถือ ความตรงไปตรงมาและจริงใจ
ช่องทางนี้เป็นโอกาสในการสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน จากพฤติกรรมคนที่เปลี่ยนแปลงไปในโลกดิจิทัล การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจากหลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะช่องทางที่โดดเด่น ผ่านการใช้เสียงอย่าง Podcasts จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ 

3.LinkedIn ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นในการทำ Marketing

ปัจจุบันแพลตฟอร์ม LinkedIn มีจำนวนผู้ใช้งาน และบริษัทต่างๆ รวมกันมากกว่า 57 ล้านบัญชี หลายธุรกิจเริ่มหันมาทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์ม LinkedIn กันมากขึ้น เพราะถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้ธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายได้เข้าถึงแบรนด์ได้มากขึ้น 

4.การสร้าง Video ช่วยสร้างการรับรู้

เดี๋ยวนี้คนดูวิดีโอก่อนซื้อ เมื่อเรารู้ว่าลูกค้าชอบอะไร ในฐานะนักการตลาดเราต้องพาสินค้าและบริการของเราไปอยู่ตรงจุดนั้น จากเดิมที่เคยทำ SEO (Search Engine Optimization) แบบเน้น Keywords เขียนบทความคอนเทนต์ลงบน Blog หรือเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว อาจต้องเพิ่มการทำ Video Content บอกเล่าไปด้วย ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายและง่ายในการค้นหาบนโลกออนไลน์ 

อะไรคือเป้าหมายในการทำ Video Marketing? 
1.เพิ่มการรับรู้แบรนด์
2.เพื่อให้ลูกค้าศึกษาผลิตภัณฑ์แบรนด์
3.เพื่อให้แบรนด์มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
4.ดึงดูดให้ผู้คนสนใจ
5.ดันยอดขายให้เพิ่มมากขึ้น
6.เพื่อให้ลูกค้าเห็นวัฒนธรรมหลักของแบรนด์

5.การแข่งขันกันด้าน Content Marketing

Content Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดโดยโฟกัสไปที่การสร้างสรรค์ “คอนเทนต์” เป็นสื่อสารระหว่างแบรนด์กับกลุ่มลูกค้าโดยตรง
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาคนให้ความสนใจ B2B Content Marketing น้อยลง จึงทำให้เกิดการแข่งขันสูงขึ้น ใช้งบประมาณในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแพงขึ้น
ซึ่งทาง Content Marketing Institute รายงานว่า 56% ของทีมการตลาด B2B มีแผนเพิ่มงบในการสร้างคอนเทนต์ ซึ่งงบที่เพิ่มขึ้นในส่วนนี้ไม่เพียงแค่ส่วนในการผลิตเนื้อหา แต่ยังรวมไปถึงการส่งเสริมให้คอนเทนต์โดดเด่นอีกด้วย


ในปัจจุบัน มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Generative AI และ Data Analytics ที่จะทำให้นักการตลาดเข้าใจลูกค้า และสามารถปรับเนื้อหาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับแบรนด์ เพื่อให้ง่ายต่อการวางแผนทำการตลาดต่อไป

ดังนั้นแบรนด์จึงต้องศึกษาว่าจะทำอย่างไรให้แบรนด์ของตัวเองได้รับความสนใจ เพื่อที่สามารถสร้างยอดขายและการเติบโตให้กับธุรกิจในอนาคตได้ 


B2B Content Marketing ที่ได้รับความสนใจมาก?
จากการวิเคราะห์บทความ B2B จำนวน 50,000 บทความ ของ BuzzSumo พบว่า
Content ที่ครอบคลุมหัวข้อความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีแนวโน้มที่จะได้รับความสนใจและมีการแชร์ที่มากกว่า Content ข่าวหรือแฟชั่น
การพาดหัวเรื่องเจาะจงที่สามารถดึงดูดให้ผู้ชมอยากเข้าไปดูได้ อย่างการพาดหัวบทความ เช่น “อนาคตของ…”
เนื้อหาจาก B2B ที่มีความยาวมากกว่า 1,000 Word จะได้รับ Engagement และผู้คนมีส่วนร่วมมากกว่าบทความสั้นๆ

6.ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ Marketing
“AI Marketing” เป็นการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้าร่วมกับการทำการตลาดในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่เรื่องง่ายๆ ไปจนถึงการทำงานที่ซับซ้อนเกินกว่ามนุษย์จะประมวลผลได้


การใช้งาน AI ร่วมกับการตลาดเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความคุ้นชินเทคโนโลยีของผู้คน การที่มีข้อมูลต่างๆ ในระบบมากขึ้น พร้อมกับต้นทุนการผลิตเทคโนโลยีที่ค่อยๆ ลดลง ทำให้ปัจจุบันแม้แต่คนทั่วไปยังสามารถใช้งาน AI Marketing ได้ง่ายๆ
และเนื่องจาก AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่มีจำนวนมาก ได้ดีกว่ามนุษย์ ตัวอย่างการใช้ AI Marketing เข้ามาช่วยในการทำการตลาด เช่น การตั้งค่าให้ระบบปรับแต่งการซื้อโฆษณาออนไลน์ตามข้อมูลสภาพอากาศ ข้อมูลยอดขาย และลูกค้าที่เข้าร้านในแต่ละเวลา เพื่อดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาซื้อสินค้ามากขึ้น ซึ่งถือเป็นการเพิ่มทั้งรายได้และลดค่าใช้จ่ายไปพร้อมๆ กันเลยทีเดียว 

7.Chatbot เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ทุกคนคงทราบกันอยู่แล้ว ว่าแชทบอทได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มของนักการตลาด เพราะแชทบอทนั้นสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีและรวดเร็วในการตอบคำถาม และให้ข้อมูลกับกลุ่มลูกค้า ที่ทักเข้าสอบถามข้อมูล แม้กระทั่งช่วงเวลาที่เราพักผ่อน ทำให้เพิ่มโอกาสในการขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวันไม่มีวันหยุด 

Chatbot ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาดทิศทางไหนบ้าง?
1.ช่วยจัดการข้อมูล Lead
เป็นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ปรับรูปแบบให้เหมาะสมได้ดีกว่าแบบฟอร์มการขอข้อมูล และประหยัดเวลามากกว่าการพูดคุยเพื่อสอบถามข้อมูลเอง

2.โปรโมทสินค้าและบริการเพื่อปิดการขาย
แชทบอทในลักษณะนี้จะมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อช่วยเหลือจนกว่าลูกค้าถูกใจได้ และยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้ายังสามารถไปยังแพลตฟอร์มขั้นตอนของการจ่ายเงินผ่านหน้าจอแชทได้โดยตรง

3.เป็นเครื่องมือสำรวจทางการตลาด
แชทบอทสามารถเป็นเครื่องมือสำรวจวิจัยทางการตลาดได้ ผ่านการเก็บข้อมูลของลูกค้าที่เข้ามาติดต่อ ไม่เพียงแต่ทราบว่าลูกค้าต้องการซื้ออะไร แต่ยังทราบว่าทำไมพวกเขาจึงซื้อ ซึ่งช่วยให้ทีมการตลาดสามารถติดตามรูปแบบการซื้อของลูกค้าแต่ละคน แล้วนำมาประมวลผลเป็นชุดข้อมูลเพื่อวางแผนการตลาดในอนาคตได้

4.สร้างความประทับใจสำหรับลูกค้าหรือผู้ที่เข้ามาติดต่อ
เนื่องจาก Chatbot สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้สามารถตอบลูกค้าได้ทันที ซึ่งการตอบกลับอย่างรวดเร็วจะช่วยสร้างความประทับใจ และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้าและแบรนด์ได้

8.การร่วมงานกับ Influencers ช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์

จากการระบาดของ Covid-19 ทำให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนแปลงไป โดยส่วนใหญ่ซื้อของจากช่องทางออนไลน์ ดังนั้น Influencers หรือผู้ที่มีอิทธิผลบน Social จะมีผลอย่างมากในการโปรโมทหรือโฆษณาสินค้า 
ซึ่งในปัจจุบัน Influencers มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบรนด์จึงสามารถเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมมาช่วยในการสร้างความรับรู้ของแบรนด์ที่ตรงกับภาพลักษณ์และตรงกับเป้าหมายของลูกค้าได้

ก่อนที่จะเลือก Influencers นักการตลาดควรรู้อะไรบ้าง?
1.รู้ว่าแบรนด์ของตัวเองคืออะไร มีกลุ่ม Target แบบไหน
2.ตั้งงบประมาณ กำหนดค่าใช้จ่ายในการเลือกใช้ Influencer
3.รู้จุดประสงค์ของการใช้ Influencers เช่น อยากให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง อยากให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูน่าเชื่อถือ เพื่อวิเคราะห์ Influencers ได้เหมาะสมมากขึ้น

9.นำ Content B2B แบบเดิมมาเสนอในรูปแบบใหม่

การทำ Content สำหรับธุรกิจ B2B ค่อนข้างมีราคาสูง ซึ่งจะต่างจาก B2C ที่เขียนเพียงเนื้อหาที่เกี่ยวของกับธุรกิจของตัวเอง 
สมัยก่อนในการทำ Content มักจะใช้เนื้อหาเพียงครั้งเดียว แต่ในปัจจุบันเราสามารถนำเนื้อหานั้นกลับมาเขียนใหม่ได้ โดยการสร้างเนื้อหาให้สนใจมากขึ้น มีการอัพเดตข้อมูลเพิ่มขึ้นจากอดีต หรือเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอให้แตกต่าง เช่น การนำ Content แบบเดิมบนเว็บ Blog มาทำใหม่ในรูปแบบ Podcast ให้มีการพูดที่น่าดึงดูด เพื่อสร้างคุณค่าให้กับเนื้อหานั้น

10.ใช้ Storytelling ให้แบรนด์น่าจดจำ 

“Storytelling” เป็นการเล่าเรื่องราวแบบที่มาที่ไป มีจุดเริ่มต้นและจุดเชื่อมโยง สร้างสัมพันธ์ระหว่างเรื่องราวกับตัวแบรนด์ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจ รู้สึกเชื่อมต่อกับแบรนด์ และสร้างความไว้วางใจโดยเรื่องราวที่ถูกบอกเล่าออกไป

เทคนิคการเล่า Storytelling ให้น่าสนใจมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

การปรับเปลี่ยนเรื่องราวให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า

แน่นอนว่าทุกคนชอบเรื่องราวที่เกี่ยวข้องตัวเอง แทนที่จะเล่าเรื่องที่เป็นนามธรรมเข้าถึงยาก ให้เปลี่ยนเป็นเรื่องราวที่สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การนำเสนอจุดเด่นและบริการของแบรนด์ที่สามารถแก้ปัญหาให้กับลูกค้า ซึ่งวิธีนี้ถือเป็นตัวช่วยในการกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความสนใจอยากมีส่วนร่วมมากขึ้นอย่างแน่นอน

ความรู้สึก

การสื่อสารกับลูกค้า หรือผู้รับชมด้วยการสร้าง “อารมณ์” และ “ความรู้สึก” ในการถ่ายทอดเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความรู้สึกสนุก มีความสุข หรือแม้แต่ความกลัว ล้วนสร้างการดึงดูดความสนใจได้มากกว่าการที่นำเสนอเพียงคุณสมบัติของสินค้าและบริการเพียงอย่างเดียว

ข้อมูลสนับสนุน

การมีข้อมูลสนับสนุน เช่น ข้อมูลผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับตัวแบรนด์ สามารถสร้างความสนใจและโน้มน้าวจาก “ผู้ชม” ให้กลายเป็น “ลูกค้า” พร้อมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

จากเทรนด์ที่ได้นำเสนอไปในบทความนี้ สามารถสรุปได้ว่า แนวทางในการทำธุรกิจ B2B ในปัจจุบันและในอนาคต จะขาดสองสิ่งนี้ไปไม่ได้เลย นั่นคือ ทักษะในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการนำข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภคมาสร้างกลยุทธ์ทางการตลาด ถ้าเราสามารถบริหารจัดการสองสิ่งนี้ได้ แสดงว่าธุรกิจของเราเรียนรู้ที่จะปรับตัว และพร้อมที่จะพัฒนาต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 

 ✓ The right insight at your fingertips.

—————

“InsightEra” ผู้ให้บริการ MarTech แบบครบวงจร

สนใจหรือสอบถามเพิ่มเติม
https://www.insightera.co.th/contact-us/
Email : [email protected]